ส่งออกสินค้าเกษตรไทยไปญี่ปุ่น ต้องเริ่มยังไงดี?

หากคุณเป็นเกษตรกรหรือผู้ประกอบการที่มีสินค้าคุณภาพและอยากขยายตลาดสู่ต่างประเทศ
หนึ่งในตลาดที่ “ศักยภาพสูงสุด” สำหรับสินค้าเกษตรไทยในตอนนี้คือ ประเทศญี่ปุ่น

แต่คำถามที่หลายคนสงสัยคือ —
“ส่งออกผลไม้ไทยไปญี่ปุ่น ต้องทำอย่างไร?”
เพราะตลาดญี่ปุ่นมีมาตรฐานสูง การตรวจสอบเข้มงวด และระบบการค้าซับซ้อน

บทความนี้จะพาคุณเข้าใจ ขั้นตอน วิธี และเคล็ดลับสำคัญ ในการเริ่มส่งออกสินค้าเกษตรไทยสู่ญี่ปุ่นอย่างถูกต้องและปลอดภัย พร้อมแนวทางสร้างโอกาสทางธุรกิจอย่างยั่งยืน


目次

🇯🇵 ทำไม “ญี่ปุ่น” ถึงเป็นตลาดน่าสนใจสำหรับสินค้าเกษตรไทย

🟢 พฤติกรรมผู้บริโภคญี่ปุ่น: เน้นคุณภาพและความปลอดภัย

ผู้บริโภคญี่ปุ่นยอมจ่ายแพงขึ้นเพื่อสินค้าที่มีคุณภาพดีและปลอดภัย โดยเฉพาะสินค้าเกษตรสด เช่น มะม่วง มังคุด ทุเรียน ลำไย ซึ่งเป็นผลไม้ที่คนญี่ปุ่นนิยมมากขึ้นทุกปี

🟢 ความสัมพันธ์ทางการค้าไทย–ญี่ปุ่นที่แข็งแรง

ไทยและญี่ปุ่นมีความตกลงทางการค้าเสรี (FTA) ทำให้หลายสินค้าสามารถ ลดหรือยกเว้นภาษีนำเข้า ได้ เช่น ผลไม้แปรรูป ข้าว และสินค้าเกษตรบางประเภท

🟢 ญี่ปุ่นขาดแคลนผลไม้เมืองร้อน

ญี่ปุ่นมีสภาพอากาศที่ไม่เอื้อต่อการปลูกผลไม้เมืองร้อน เช่น มะม่วง ทุเรียน หรือกล้วย ทำให้การนำเข้าจากไทยยังเป็นความต้องการหลักในตลาด


🚚 ขั้นตอนการ “ส่งออกผลไม้ไทยไปญี่ปุ่น ต้องทำอย่างไร” แบบเข้าใจง่าย

🟢 ขั้นตอนที่ 1: ศึกษาตลาดและกฎระเบียบของญี่ปุ่น

ก่อนเริ่มส่งออก ควรศึกษาข้อมูลจากหน่วยงาน เช่น

  • กรมวิชาการเกษตร (DOA)
  • กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP)
  • JETRO (Japan External Trade Organization)

ควรรู้ว่าผลไม้ชนิดใด “อนุญาตให้นำเข้า” และต้องผ่านกระบวนการใดบ้าง เช่น การอบไอน้ำ การอบไอน้ำร้อน (Vapor Heat Treatment – VHT) หรือ การตรวจศัตรูพืชก่อนส่งออก


🟢 ขั้นตอนที่ 2: เตรียมเอกสารสำคัญสำหรับการส่งออก

เอกสารพื้นฐานที่ต้องใช้ ได้แก่

  • ใบรับรองสุขอนามัยพืช (Phytosanitary Certificate)
  • ใบกำกับสินค้า (Commercial Invoice)
  • ใบรายการบรรจุสินค้า (Packing List)
  • ใบตราส่งสินค้า (Bill of Lading / Air Waybill)
  • ใบรับรองแหล่งกำเนิดสินค้า (Certificate of Origin – FTA ไทย–ญี่ปุ่น)

การจัดเตรียมเอกสารเหล่านี้ให้ครบและถูกต้องตั้งแต่ต้น จะช่วยลดปัญหาล่าช้าหรือการปฏิเสธสินค้าจากด่านศุลกากรญี่ปุ่น


🟢 ขั้นตอนที่ 3: ตรวจมาตรฐานคุณภาพและบรรจุภัณฑ์

ญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับ รูปลักษณ์สินค้าและบรรจุภัณฑ์ อย่างมาก
ควรเลือกใช้กล่องหรือแพ็กเกจที่สะอาด แข็งแรง และแสดงข้อมูลชัดเจน เช่น

  • ชื่อผลไม้
  • น้ำหนักสุทธิ
  • แหล่งผลิต
  • วันบรรจุและวันหมดอายุ

การใส่ ฉลากภาษาญี่ปุ่น จะเพิ่มความน่าเชื่อถือ และช่วยให้ผู้บริโภคเข้าใจข้อมูลสินค้าได้ทันที


🟢 ขั้นตอนที่ 4: เลือกช่องทางขนส่งที่เหมาะสม

สินค้าเกษตรสดมักต้องขนส่งทางอากาศเพื่อรักษาความสด เช่น มะม่วง มังคุด
ส่วนสินค้ากึ่งแปรรูปหรือแช่แข็ง สามารถส่งทางเรือเพื่อลดต้นทุนได้

ควรเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายจากบริษัทโลจิสติกส์หลายแห่ง และตรวจสอบว่าแต่ละรายมี ใบอนุญาตจัดการสินค้าสดหรือไม่


🟢 ขั้นตอนที่ 5: ติดต่อหาผู้ซื้อญี่ปุ่นอย่างมืออาชีพ

ผู้ส่งออกมือใหม่มักไม่รู้ว่าจะ “เริ่มหาผู้ซื้อได้จากที่ไหน”
วิธีที่นิยมมีดังนี้

  1. เข้าร่วม งานแสดงสินค้า เช่น FOODEX Japan, Asia Fruit Logistica
  2. ติดต่อ องค์กรสนับสนุนการค้า เช่น DITP หรือ JETRO
  3. ใช้บริการ บริษัทที่มีเครือข่ายผู้ซื้อญี่ปุ่นโดยตรง เช่น WITHTHAI ที่ช่วยจับคู่บริษัทร่วมเจรจาในภาษาญี่ปุ่น

🟢 ขั้นตอนที่ 6: เตรียมระบบหลังการขายและการสื่อสาร

ตลาดญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับ “ความต่อเนื่อง”
เมื่อเริ่มส่งออกแล้ว ต้องมีการสื่อสารเป็นภาษาญี่ปุ่นอย่างมืออาชีพ เช่น

  • ตอบอีเมลรวดเร็ว
  • ส่งเอกสารและใบเสนอราคาในรูปแบบมาตรฐาน
  • ปรับตัวตามคำแนะนำของผู้ซื้อ

ความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้าญี่ปุ่นมีค่ามากกว่าออเดอร์แรกเสมอ


🥝 เคล็ดลับเพิ่มโอกาสสำเร็จในการส่งออกสินค้าเกษตรไปญี่ปุ่น

🟢 ลงทะเบียนมาตรฐาน GAP และ Organic

สินค้าเกษตรที่ได้รับการรับรองจาก GAP Thailand หรือ Organic Thailand จะเพิ่มความน่าเชื่อถือในการนำเข้า

🟢 ใช้การตลาดเชิงเรื่องราว (Storytelling)

ญี่ปุ่นชอบสินค้า “มีเรื่องราว” เช่น

“มะม่วงน้ำดอกไม้จากจังหวัดชัยภูมิ ปลูกโดยชุมชนที่ใช้เกษตรอินทรีย์”

เรื่องราวแบบนี้ช่วยให้สินค้าคุณมีเอกลักษณ์ และสามารถขายในราคาสูงกว่าได้

🟢 ร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญด้านการส่งออก

หากคุณไม่มีทีมงานประสบการณ์ด้านเอกสาร การขนส่ง หรือภาษาญี่ปุ่น
สามารถใช้บริการที่ปรึกษาหรือบริษัทผู้เชี่ยวชาญ เช่น WITHTHAI INTERNATIONAL CO., LTD.
ซึ่งมีประสบการณ์จริงในด้าน

  • การหาคู่ค้าญี่ปุ่น
  • การจัดทำเอกสารและขนส่ง
  • การแปลภาษาและเจรจาธุรกิจระหว่างประเทศ

🍊 ตัวอย่างผลไม้ไทยยอดนิยมในตลาดญี่ปุ่น

ผลไม้ความนิยมหมายเหตุ
มะม่วงน้ำดอกไม้⭐⭐⭐⭐มีจำหน่ายในห้างญี่ปุ่นหลายแห่ง
มังคุด⭐⭐⭐ได้รับอนุญาตนำเข้าภายใต้เงื่อนไขพิเศษ
สับปะรด (MD2, ภูแล)⭐⭐⭐⭐ความต้องการสูงทั้งผลสดและแปรรูป
ลำไย⭐⭐ต้องควบคุมคุณภาพการเก็บรักษาอย่างดี
กล้วยหอมทอง⭐⭐⭐เป็นผลไม้ประจำซูเปอร์มาร์เก็ตหลายแบรนด์

✈️ สรุป: ก้าวแรกของผู้ประกอบการไทยสู่ตลาดญี่ปุ่น

ตลาดญี่ปุ่นไม่ใช่ตลาดที่ง่าย แต่หากเตรียมตัวถูกวิธี คุณจะพบว่า “โอกาสมีอยู่มาก”
เพราะญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ ให้ความสำคัญกับคุณภาพ ความซื่อสัตย์ และความต่อเนื่อง

ดังนั้น หากคุณกำลังมองหาโอกาสใหม่ในการส่งออกผลไม้ไทยไปญี่ปุ่น
อย่ากลัวที่จะเริ่มต้น — เริ่มจากการศึกษา เตรียมเอกสาร มาตรฐาน และหาพันธมิตรที่ไว้ใจได้

WITHTHAI พร้อมเป็นพาร์ทเนอร์ให้คุณ ตั้งแต่ขั้นตอนวางแผนจนถึงการหาผู้ซื้อญี่ปุ่นจริง
จาก “ไร่ในไทย” สู่ “ตลาดญี่ปุ่น” ได้อย่างมั่นใจและยั่งยืน

コメント

この記事へのコメントはありません。

関連記事

คู่มือส่งออกสินค้าจากไทยไปญี่ปุ่นแบบครบวงจร: เอกสาร, ภาษี, โลจิสติกส์

ครบคู่มือ PR ธุรกิจไทยในญี่ปุ่น : จากการเขียนข่าว ถึงการเผยแพร่สู่สื่อญี่ปุ่นมืออาชีพ

ทัวร์การศึกษาไปญี่ปุ่นแบบลึกซึ้งกับ Hope Tourism — เปลี่ยนทริปญี่ปุ่นให้เป็น “การเรียนรู้ที่มีความหมาย” สำหรับเด็กไทย

おすすめ記事
最近の記事
おすすめ記事
  1. ทัวร์การศึกษาไปญี่ปุ่นแบบลึกซึ้งกับ Hope Tourism — เปลี่ยนทริปญี่ปุ่นให้เป็น “การเรียนรู้ที่มีความหมาย” สำหรับเด็กไทย

  2. ส่งออกสินค้าเกษตรไทยไปญี่ปุ่น ต้องเริ่มยังไงดี?

  3. ครบคู่มือ PR ธุรกิจไทยในญี่ปุ่น : จากการเขียนข่าว ถึงการเผยแพร่สู่สื่อญี่ปุ่นมืออาชีพ

  1. ส่งออกสินค้าเกษตรไทยไปญี่ปุ่น ต้องเริ่มยังไงดี?

  2. ครบคู่มือ PR ธุรกิจไทยในญี่ปุ่น : จากการเขียนข่าว ถึงการเผยแพร่สู่สื่อญี่ปุ่นมืออาชีพ

  3. 5 ขั้นตอนที่ธุรกิจไทยต้องรู้ก่อนขยายตลาดไปญี่ปุ่น – จากประสบการณ์จริงของที่ปรึกษาในญี่ปุ่น

PAGE TOP